วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

iPad เจ๋งจริง! ฉุด Apple ขึ้นอันดับที่ 3 ของตลาดส่วนแบ่งคอมพิวเตอร์พกพาทั่วโลก!

สำนักข่าว fortuneรายงานเกี่ยวกับงานวิจัยของ Chris Whitmore ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank โดยในรายงานกล่าวว่า ถ้าหากเรารวม iPad เข้าไปในหมวดหมู่ของคอมพิวเตอร์พกพาระดับเดียวกับ Netbook และ Notebook ในตลาดด้วยแล้วล่ะก็ นั่นจะทำให้ Apple กลายเป็นผู้ครอบครองส่วนแบ่งทางตลาดทั่วโลกเป็นลำดับที่ 3 ทันที โดยตามหลังแค่เจ้ายุทธจักรอย่าง HP และ Lenovo เท่านั้น






หากสังเกตจากกราฟก็จะพบว่าตั้งแต่ iPad เริ่มเข้ามาขายในปีนี้ จำนวนยอดขายของ Apple ก็พุ่งขึ้นอย่างชัดเจน สวนทางกับรายอื่นๆ ที่กำลังค่อยๆ ลดลง หรือกำลังสูญเสียส่วนแบ่งทางตลาดนั่นเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายเห็นแบบนี้แล้ว จะรีบส่ง Tablet ทั้งหลายออกมาสู่ตลาดโลกกันโดยไวเลยรึเปล่า?

The Man Behind Apple"s Success (1) "สตีฟ จ็อบส์" กับเดิมพันครั้งใหม่

ในแวดวงธุรกิจความสำเร็จหรือความล้มเหลวของบริษัทใดบริษัทหนึ่งจะอยู่ที่ฝีมือของ "ซีอีโอ" เป็นสำคัญ จึงเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้หลายองค์กรยอมจ่ายเงินแพงๆ เพื่อค้นหาผู้บริหารมือดีมาช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาไม่หยุดนิ่ง แต่น่าสนใจว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของบริษัทในโลกเทคโนโลยี "ซีอีโอ" ที่ถือเป็นตำนานของวงการ กลับเป็นกลุ่มคนที่มากด้วยพรสวรรค์ชนิดที่ไม่สามารถค้นหาได้จากตลาดผู้บริหารอันดาษดื่น และมีปูมหลังที่น่าศึกษาและนี่คือเหตุผลที่ "ประชาชาติธุรกิจ" จัดทำรายงานพิเศษเรื่อง "3 คน-3 คม แห่งยุคดิจิทัล" โดยเลือกนำเสนอคมความคิดของสตีฟ จ็อบส์, อีริก ชมิดต์ และ บิล เกตส์ 3 ซีอีโอที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันน่าทึ่งของแอปเปิล, กูเกิล และไมโครซอฟท์ทุกครั้งที่แอปเปิลขยับตัว จะดึงความสนใจของสื่อมวลชน นักวิเคราะห์ และคนในแวดวงไฮเทคได้มากมายมหาศาล ครั้งนี้ก็เช่นกัน ก่อนจะถึงวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ก็มีทั้งข่าวลือ ข่าวรั่ว และกระแสคาดคะเนอย่างท่วมท้น หลังจากทำให้แฟนพันธุ์แท้แอปเปิลผิดหวังลึกๆ ที่ "สตีฟ จ็อบส์" ขอยกเลิกการปาฐกถาพิเศษใน Apple Expo Paris อย่างกะทันหัน โดยไม่ทราบสาเหตุข่าวลือข่าวปล่อยที่สะพัดว่ายวนอยู่กับประเด็นที่ว่า แอปเปิลกำลังจะเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ที่อาจจะเป็น the next big thing ของวงการไฮเทค โดยเฉพาะในตลาดโมบาย มิวสิก ที่มี "มือถือ" เป็นเดิมพันสำคัญที่สุด "the next big thing" ของแอปเปิล ก็เผยโฉมออกมาในการแถลงข่าวที่ซานฟรานซิสโก โดยครั้งนี้ สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอคนดัง มาพร้อมกับ "Motorola ROKR" และ "iPod nano" สินค้าใหม่ที่เชื่อว่าจะทำให้แอปเปิลยึดครองตลาดเพลงดิจิทัลไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ก่อนที่ค่ายคู่แข่งจะไล่ตีตื้นได้ทันหากย้อนกลับไปช่วงก่อนเปิดตัว "Motorola ROKR" และ "iPod nano" มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันถึงบทวิจัยของไพเพอร์ แจฟเฟรย์ แอนด์ โค ที่เผยผลสำรวจผู้บริโภคที่ทำให้แอปเปิลได้ยินแล้วชื่นใจ นั่นคือ ถึงแม้มือถือรุ่นใหม่จะสามารถเล่นและดาวน์โหลดเพลงได้ แต่ผู้บริโภคในวัยระหว่าง 22-55 ปี ยังให้ความสนใจกับมือถือใหม่ของแอปเปิล ที่จะเปิดตัวในวันที่ 7 กันยายน คิดเป็น 18% ของกลุ่มตัวอย่าง"Motorola ROKR" เป็นภาพสะท้อนความคาดหวังอันเปิดเผยของ สตีฟ จ็อบส์ และผู้บริหารของค่ายแอปเปิลว่า หากคิดจะอยู่ยงและยาวนานในตลาดเพลงดิจิทัล จะต้องประคองกระแส iPod ให้อยู่ได้นาน ควบคู่ไปกับการทำให้ iTunes เป็นปลายทางของการดาวน์โหลดเพลงที่ทุกคนอยากเข้าถึง โดยทำให้ "Motorola ROKR" เป็นทั้งมือถือที่ติดตั้งระบบ iPod และสามารถดาวน์โหลดจาก iTunes ได้ไม่หยุดนิ่ง เป็นลักษณะเฉพาะของแอปเปิล อยู่แล้ว เพียงแต่ทำอย่างไรให้ความไม่หยุดนิ่ง ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของพัฒนาการทางนวัตกรรมเพียงด้านเดียว

คำสารภาพของสตีฟ จ็อบส์ เมื่อถูกถามถึงสาเหตุแห่งความล้มเหลวในอดีต เขาบอกว่า มาจากการทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมมากเกินไป ซึ่งคำกล่าวของจ็อบส์ไม่ได้เกินจริง และแบบอย่างของความล้มเหลวเพราะนวัตกรรม ไม่ได้มีแค่แอปเปิล แต่ยังรวมถึงซีรอกซ์ โพลารอยด์ และอีกหลายค่ายพลังแห่งการสร้างสรรค์ของมันสมองใน แอปเปิล ไม่ช่วยให้ผลประกอบการออกมาสวยงามถูกใจนักวิเคราะห์ ผู้ถือหุ้น และสื่อมวลชน นับจากก่อตั้งในช่วงทศวรรษ 1970 แอปเปิลมีการคิดค้นนวัตกรรมและจดสิทธิบัตร มากกว่า 1,300 สิทธิบัตร ซึ่งมากกว่าไมโครซอฟท์ถึงครึ่งหนึ่ง แต่น่าเสียดายว่า คู่แข่งของแอปเปิลกลับทำเงินได้มากกว่าถึง 140-150 เท่าตัวจุดเปลี่ยนของแอปเปิลมาพร้อมกับ iTunes และ iPod ในช่วงปี 2546 ซึ่งยอดดาวน์โหลดเพลงที่สูงถึงกว่า 20 ล้านเพลง นับถึงสิ้นปี 2546 ซึ่งความแรงดังกล่าว ทำให้นิตยสารไทมส์ยกย่องว่า เป็นสุดยอดสิ่งประดิษฐ์แห่งปี หรือ Coolest Invention of 2003 เนื่องจากมองว่า นวัตกรรมทั้ง

สอง โดยเฉพาะ iTunes เป็นเสมือนการปฏิวัติครั้งหนึ่งในวงการเทคโนโลยี และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางรูปแบบขึ้นในตลาดแต่ความสำเร็จทางนวัตกรรมและดีไซน์ของ iTunes และ iPod เมื่อปิดงบการเงินปี 2546 แอปเปิลรายงานว่า มีรายได้รวม 6.2 พันล้านดอลลาร์ แต่ 3 ใน 4 มาจากยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจนกระทั่งต่อมาแอปเปิลได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับตลาดมากยิ่งขึ้น เสียงตอบรับของผลิตภัณฑ์ทั้งสองเริ่มดีขึ้น ในปี 2548 แอปเปิลขาย iPod ไปแล้วเกือบ 10 ล้านเครื่อง เฉพาะไตรมาส 2 เพียงไตรมาสเดียว ทำยอดขายได้ถึง 5.3 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า ในช่วงเดียวกันของปี 2547 โดยมีผลกำไรสูงถึง 290 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 46 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และล่าสุดมีรายงานจากอังกฤษว่า iTunes ครองตลาดดาวน์โหลดเพลงออนไลน์ไปเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น หากเดิมพันครั้งใหม่ของสตีฟ จ็อบส์ ถูกต้อง โดยที่ทั้ง iTunes phone และ iPod ของแอปเปิล สามารถครองความโดดเด่นต่อไปได้จริง บทเรียนในประวัติศาสตร์ของจ็อบส์และแอปเปิลก็ยากจะเดินซ้ำรอยตัวเอง ในปีนี้บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ป คาดว่าจะมีการผลิตโทรศัพท์มือถือออกขายประมาณ 775 ล้านเครื่อง ดังนั้นหากโทรศัพท์มือถือพันธุ์ใหม่ของแอปเปิลสามารถครองส่วนแบ่งได้สัก 18% ของทั้งหมด ดังที่ผลสำรวจของ ไพเพอร์ เจฟเฟรย์ได้สรุปไว้ว่า แค่นี้ก็เกินพอสำหรับแอปเปิล เพราะเป้าหมายแท้จริงของการจับมือกับโมโตโรล่า เพื่อพัฒนา Motorola ROKR ออกมา ก็เนื่องจากโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่ทยอยเปิดตัวออกมา สามารถเป็นคู่แข่งที่คุกคาม iPod ได้ทุกเมื่อ เพราะนอกจากโทรศัพท์มือถือจะมีฟังก์ชันการทำงานมากกว่าแล้ว ยังมีฟังก์ชันในการดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ที่ให้บริการออนไลน์ได้ทั้งนั้นการออก Motorola ROKR คือ ทางเลือกที่ดีที่สุดของแอปเปิล และนวัตกรรมยอดฮิตของบริษัท โดยเฉพาะหากมองจากการโยนไพ่ครั้งล่าสุดของไมโครซอฟท์ ที่เข้าไปจับมือกับออเร้นจ์ของอังกฤษเพื่อพัฒนามือถือใหม่รุ่น SPV C550 ออกมา โดยใช้วินโดวส์ มีเดีย เพลเยอร์เป็นซอฟต์แวร์หลักในการดาวน์โหลดเพลงเพราะถึง สตีฟ จ็อบส์ จะชี้แจงระหว่างการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทั้งสองว่า iPod nano คือเดิมพันอนาคตที่สำคัญยิ่ง แต่ Motorola ROKR หรือ iTune phone กลับเป็นไพ่ใบสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจโมบายโฟนของแอป เปิลรักษาแชมป์ผู้นำตลาดไว้ในมือได้ต่อไป

กลยุทธ์การตลาด : ความสำเร็จของ iPod กรณีศึกษา Blue Ocean

กลยุทธ์การตลาด : ความสำเร็จของ iPod กรณีศึกษา Blue Ocean

ณ วันที่ iPod ออกวางตลาด ใครเลยจะคิดว่ามันจะขายดีระดับปรากฏการณ์ขนาดนี้ ความสำเร็จของมัน เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่ออนาคตของ Apple คอมพิวเตอร์ ทุกวันนี้แบรนด์แอปเปิลนั้นเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคชาวโลกในวงกว้าง คนที่ได้ใช้ iPod ก็มีแนวโน้มจะ "ลองใช้" ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของแอปเปิลมากขึ้นไปอีก ส่วนแอปเปิลเองก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป พยายามลดอุปสรรคอันเป็นขวากหนามระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไป กับคอมพิวเตอร์ของแอปเปิล ให้เหลือน้อยที่สุด ... เช่น สร้างคอมพิวเตอร์แอปเปิลรุ่นราคาประหยัด ... ทำให้เครื่องแอปเปิลสามารถใช้ระบบปฏิบัติการ Window ของ Microsoft ได้ (ซึ่งคนจะคุ้นเคยมากกว่าหน้าตาซอฟต์แวร์ของแอปเปิล แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ต้องกลับมาขอบคุณอานิสงส์จาก iPod จริง ๆ ทั้งในแง่ของรายได้ที่ได้จากการขาย การทำให้แบรนด์แอปเปิลแพร่หลาย และการที่มันจะช่วยเป็นสะพานเชื่อมผู้บริโภคหน้าใหม่ ให้กลายเป็นแฟน ๆ ของแอปเปิลได้ในที่สุด อะไรทำให้ iPod แตกต่างจากเครื่องฟังเพลงพกพาตัวอื่น ๆ ในท้องตลาด? ดีไซน์? - การออกแบบที่เรียบง่าย แต่สวยจับใจผู้คนที่พบเห็นอย่างมากมาย ทำให้ iPod นั้นแตกต่างห่างชั้นจากเครื่องฟังเพลง MP3 ยี่ห้ออื่นอย่างมากมาย แบรนด์ของแอปเปิล? - โดดเด่นในเรื่องความงดงามของการออกแบบ และมีเทคโนโลยีที่โดดเด่น เหมาะกับการใช้งานของผู้คนหลากหลายอาชีพที่มีภาพลักษณ์ กึ่ง ๆ ศิลปิน (แอปเปิลเองก็พยายามทำโฆษณาเพื่อสื่อสารว่าตัวเองเป็นเครื่องมือช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้แก่ผู้ใช้) ร้านจำหน่ายเพลง iTune - ร้านจำหน่ายเพลงออนไลน์ที่ปฏิวัติรูปแบบการขายเพลง จากเดิมที่ต้องซื้อเป็นแผ่นซีดี ตามร้านค้าชั้นนำ เข้าสู่ระบบการซื้อเพลงผ่านอินเทอร์เน็ต แถมยังแยกขายกันเป็นเพลง ๆ ไป ใครอยากได้เพลงไหน ก็จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ทันที ในราคาที่สมเหตุสมผล (อย่างไรก็ตาม ร้าน iTune นี้ให้บริการเฉพาะกับลูกค้าบางประเทศเท่านั้น ในเมืองไทยยังไม่เปิดให้บริการ เพลงที่บรรจุอยู่ในเครื่องเล่น iPod ของลูกค้าคนไทยนั้น มากจากการแปลงเพลงจากแผ่นซีดีให้อยู่ในรูปไฟล์ หรือดาวน์โหลดไฟล์เสียงมาโดยตรง แล้วใส่ลงไปในเครื่อง) เมื่อ iPod ออกมา ก็ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ แตกแขนงออกมาอย่างต่อเนื่อง จากเครื่องเล่นความจุมาตรฐาน มีการลดขนาดความจุ (และขนาดเครื่องลงมา ซึ่งแน่นอนราคาก็ย่อมเยาลงมาด้วย) เป็น iPod Nano หรือทำรุ่นเล็กสำหรับผู้เริ่มต้นมาอีก คือ iPod Shuffle (ซึ่งแอปเปิลก็พลิกจุดอ่อนที่เลือกเพลงไม่ได้ ต้องเล่นสุ่มแบบ Shuffle ด้วยสโลแกน Life is Random) แล้วก็ประยุกต์เป็นเวอร์ชั่นดูรูปได้ (iPod Photo) หรือเวอร์ชั่นเล่นวีดีโอ (iPod Video) ขณะที่ iPod ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย เจ้าพ่อเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาเจ้าของ Walkman อย่าง Sony กลับยักแย่ยักยันในเรื่องนี้ เหตุผลสำคัญคือในเครือ Sony นั้นมีค่ายเพลง Sony Music อยู่ด้วยโซนี่มองว่าหากเครื่องเล่นเพลงแบบนี้ได้รับความนิยมมากเกินไป จะเป็นภัยต่อธุรกิจเพลงของตัวเอง เพราะไฟล์เพลงนั้นสามารถก๊อปปี้ได้ง่าย แฟนเพลงก็จะหาของฟรีดาวน์โหลด หรือก๊อปปี้ส่งให้เพื่อนฝูงกันเอง จะว่าไปแล้ว iPod นั้นไม่ใช่ Product Innovation หากแต่ทุกองค์ประกอบนั้นหลอมรวมกันเป็น Business Model Innovation ทำไมแอปเปิลจึงสามารถครอบครอง Blue Ocean ได้จริง ในขณะที่ผู้เล่นรายอื่นได้แค่คิด หรือเอื้อมคว้าได้เพียงบางส่วน? กรณีศึกษา iPod นี้ ชี้แนะแนวทางในการสร้าง Blue Ocean อย่างไร? (แก่ธุรกิจอื่น ๆ)แอปเปิลจะหา Blue Ocean ได้อีกหรือไม่?

บทวิเคราะห์ iPod ถือเป็นตัวอย่างสุดคลาสสิกของ Blue Ocean Blue Ocean คือตลาดที่ยังไม่เกิด ยังไม่มีการแข่งขัน หรือมีแต่น้อยมากๆ ทำให้ไม่จำเป็นต้องสนใจการแข่งขันเพราะไม่มีผู้เล่นในตลาด เพราะเป็นผู้สร้างตลาดและจับความต้องการนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งแตกต่างจาก Red Ocean Red Ocean คือแข่งกันในตลาดที่เห็นอยู่ มีอยู่แล้ว เช่น Mobile Operator ที่รบกันอย่างรุนแรงเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ แม้ว่ามาร์จิ้นจะต่ำลงและคุณภาพแย่ โทรออกไม่ได้จนถูกด่าทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างในปัจจุบัน Red Ocean มุ่งแต่พิฆาตเข่นฆ่าให้อาสัญกันไปข้างหนึ่ง ตามหลัก Zero Sum Game คือฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายเสีย ฝ่ายที่มีความได้เปรียบ ก็จะใช้ความได้เปรียบนั้นไล่ต้อนฝ่ายตรงข้ามให้จมมุม เล่นเกมแรง ถึงขนาดให้สูญพันธุ์ไปเลยก็มี การแข่งขันเช่นนี้เป็นการแข่งขันในเชิงทำลายล้าง ผลเสียจะตกแก่อุตสาหกรรม
Red Ocean จะหากินกับดีมานด์ที่มีอยู่ในตลาด จึงเกิดการแย่งชิง โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่ในช่วงขาลง อย่าง Mobile Operator Apple Computer ไม่ใช่บริษัทที่แรกที่เป็นผู้สร้างเครื่องเล่น MP3 ดูเหมือนว่า Creative Technology แห่งสิงคโปร์จะอ้างว่าเป็นผู้สร้างเป็นบริษัทแรก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมากันทั้ง Value Chain ซึ่งแตกต่างจาก iPod ที่มาพร้อมกันทั้ง Value Chain iPod เกิดขึ้นจากศึกษาTrend การดาวโหลดเพลงฟรีตามเว็บไซด์ต่างๆโดยให้ดึงเพลงซึ่งกันและกันมาดาวโหลดได้ด้วย ซึ่งก็คือ Napster Napster และเว็บไซด์ในลักษณะคล้ายๆกันนั้นสร้างเสียหายให้ค่ายเพลงใหญ่ๆมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการซื้อซีดีราคาแพงๆ Steve Jobs จึงเสนอแนวทางให้ค่ายเพลงต่างๆให้ดาวโหลดผ่าน iTunes อย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยคิดค่าดาวโหลดเพลงละ 99 เซ็นต์ นอกจากนี้ Apple ยังตั้งรหัสเฉพาะไม่ให้ส่งผ่านไปยังเครื่องเล่น MP 3 อื่นๆ ความสำเร็จของ iPod iTunes นั้นเห็นได้จากการมีส่วนแบ่งตลาดถึง 77% ในตลาดเครื่องเล่น MP3 ในสหรัฐอเมริกา ส่วน iTunes มีส่วนแบ่งตลาดมหาศาลในตลาดดาวโหลดอย่างถูกกฎหมาย iPod เข้าสู่ตลาด Blue Ocean ด้วยการเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีความต้องการสูง แต่ยังไม่มีผู้สนองความต้องการนั้นอย่างเป็นระบบ จริงอยู่ที่มีเครื่องเล่น MP3 ก่อนหน้า iPod แต่ทว่าคุณภาพเสียงไม่ดีเท่า และการดีไซน์ไม่น่าพึงพอใจ อีกทั้งไม่มีการดาวโหลดอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งคุณภาพเสียงไม่ดี จึงไม่มีผู้นิยม และผู้ผลิตก็ไม่ได้รายได้จากการดาวโหลดด้วย Apple มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เข้าสู่ตลาดเครื่องเล่น MP3 เต็มตัวเป็นรายแรก ทรัพยากรทุกอย่างจึงถูกระดมเพื่อสร้างตลาดนี้ ความแข็งแกร่งของแบรนด์ Apple จนเกือบจะเป็นลัทธิ ทำให้ iPod ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามและได้รับความนิยมไปทั่วโลก คู่แข่งอื่นๆที่ต้องการกระโจนเข้าแชร์ส่วนแบ่งตลาดจาก iPod เมื่อไม่มี Value Chain พรั่งพร้อมเท่า ก็แชร์ส่วนแบ่งไปได้ไม่มากนัก Steve Jobs นั้น ไม่เพียงเน้นการสร้างความแตกต่างให้ iPod แต่ยังพยายามลดขวากหนามในการซื้อของผู้ซื้อรายใหม่ๆที่เป็นวัยรุ่นซึ่งเป็นผู้ซื้อกลุ่มใหญ่ด้วย นั่นคือออกเวอร์ชั่นใหม่ๆ ราคาถูกลง แต่คงความ Cool เอาไว้เหมือนเดิม นอกจากนี้เขายังขยายไปสู่ iPod วิดีโอ ฯลฯ อีกต่างหาก iPod จึงยังอยู่ในตลาด Blue Ocean ได้นานหลายปี ทั้งๆที่คู่แข่งขันมากหน้าหลายตากระโจนเข้าสู่ตลาดนี้

วิเคราะห์ 4P’S APPLE VS LENOVO

Price


ในด้านราคานั้น ราคาของผลิตภัณฑ์ Apple สูงกว่าในแทบทุกผลิตภัณฑ์ แต่ก็ได้มา ซึ่งประสิทธิภาพ และรูปลักษณ์ที่สวยงาม รวมทั้งการใช้งานที่เหมาะกับงาน เฉพาะทางบางอย่าง เช่นงานด้านภาพ เสียง ตัดต่อ และคอมพิวเตอร์ในรุ่น หลังๆก็สามารถใช้โปรแกรมของทางค่าย Microsoft ได้ด้วย ซึ่งถือได้ว่า ราคาไม่แพงเกินไปถ้าใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ราคาถือว่าสูงอาจเพราะการตกลงของบริษัท Apple กับ Dealer ทําให้
ราคาสูง เครื่องที่แอบนําเข้ามีราคาต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ทางด้าน Lenovo นั้นราคาอยู่ในเกณฑ์น่าสนใจ ราคาไม่สูงเกินไป สําหรับคนที่ต้องการเครื่องที่ดี เครื่องที่มีประสิทธิภาพก็มีสิ้นค้าในตลาดบน อย่างเช่นคอมพิวเตอร์ Lenovo ก็มีรุ่น Thinkpad ซึ่งเป็นโมเดลเดิมของ IBM สําหรับคนที่ต้องการเครื่องประสิทธิภาพดี ความคงทนสูง

Place
หากมองด้านช่องทางจัดจําหน่าย ในจีนนั้น จากเนื้อข่าวจะเห็นได้ว่า ช่องทางการทําการตลาดของ Apple ในจีนนั้นน้อยมาก ทําให้การจําหน่ายผลิตภัณฑ์ออกสู่ผู้บริโภคทําได้ไม่ดีนัก ต่าง กับ Lenovo ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติจีนอยู่แล้ว ทําให้การเข้าถึงผู้บริโภคง่ายกว่า ทาง Apple อย่างแน่นอน อีกทั้งช่องทางจัดจําหน่ายมีมากกว่า Apple อย่างเหลือล้น มิ หนําซ้ำฐานการผลิตยังอยู่ในจีนอีกด้วย ทําให้ง่ายต่อการผลิตและขนส่งขึ้นไปอีก
นับว่า Lenovo ได้เปรียบ Apple อย่างแท้จริง

Product
ทางด้านผลิตภัณฑ์ของ
Apple หากมองในตลาดคอมพิวเตอร์แล้ว นับ ว่ามีความโดดเด่น เพราะซอร์ฟแวร์ที่มีความโดดเด่นเฉพาะทาง โดยเฉพาะงานศิลป์ รวมถึงรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย แต่น่าดึงดูดใจ ทําให้ผลิตภัณฑ์ครองใจของผู้ใช้ได้มากกว่า 90% ของผู้ใช้ แต่ทั้งนี้ หากมองให้แคบลงว่าเป็นตลาดในจีน Brand Lenovo อาจครองใจผู้ใช้ได้ ระดับหนึ่ง เพราะเป็น Brand สัญชาติจีน และนอกจากนี้ คนใช้คอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Windows ก็มากกว่ามากเป็นทุนอยู่แล้ว ทําให้โอกาสของ Lenovo มีสูงกว่า Apple และ Lenovo ก็ยังมี Lenovo Thinkpad ที่เป็นตลาดระดับสูงที่ชนกับ Apple ได้สบาย ซึ่งจุดเด่นในด้านซอร์ฟแวร์งานศิลป์ของ Apple ทางด้าน Microsoft ก็น่าจะหาทดแทนได้ในระดับหนึ่ง
หากมองแคบลงมาเป็นผลิตภัณฑ์โทรศัพท์แล้ว iphone เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคนใช้ปริมาณมากทั่วโลก เรื่องของ ประสิทธิภาพของผลิตภัณ์จัดอยู่ในระดับท๊อปของโทรศัพท์ มือถือ ด้วยความโดดเด่นหลายคุณสมบัติ เช่นระบบแกน หมุน หน้าจอระบบสัมผัส รูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ browser safari ที่มีความเร็วสูงรวมทั้งยังเปิด full html ได้ รวมถึง Application ที่มีนับแสน ทําให้มีโปรแกรมใช้งานครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งเมื่อเทียบ กับผลิตภัณฑ์ LePhone โทรศัพท์ smart phone ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Lenovo นั้น ยังไม่มีจุดเด่นที่ชัดเจน แต่ สิ่งที่ทําให้ทาง Lenovo ยังคาดหวังที่จะได้ขึ้นชกกับ iphone อย่างสูสีคือระบบปฏิบัติการ Android ของทาง Google ที่เน้นจุดเด่นด้าน Application ฟรี และเปิดโอกาสให้นักพัฒนา Application อย่างมาก แต่นั่นก็ยัง ไม่ใช่จุดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์ของ Lenovo ที่ชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่ Android เอื้อให้ Lenovo ได้เปรียบในการ แข่งขันในจีน คือระบบปฏิบัติการที่เป็นระบบเปิด ทําให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาโปรแกรมที่เหมาะสมกับผู้ ใช้ในจีนได้มากกว่า ซึ่งจุดนี้อาจเป็นประตูไปสู่ชัยชนะของ Lenovo ในจีนได้
สรุปแล้วทางด้านราคา Lenovo ได้เปรียบมากกว่า Apple เพราะ Lenovo มีราคาที่ต่ำกว่า อีกทั้งยังมี ให้เลือกหลายระดับราคากว่าด้วย

Promotion
Advertising
การโฆษณาส่งเสริมการขายนั้น Apple มีการโฆษณาที่ไม่มากนัก แต่ก็ ถือว่ามากกว่าเมื่อเทียบกับ LePhone ที่ดูจะเงียบ นอกจากนี้ผู้คนติดตาม ข่าวสารของ Apple ตลอดเวลา เมื่อเทียบกับ Lenovo แล้วไม่มีความโดดเด่น ในการโฆษณาเลย แต่สําหรับในจีนนั้น Lenovo มีการโฆษณามากกว่า หากแลกกันหมัดต่อหมัดแล้ว Lenovo คงไม่กลัว Apple หากชกใน
ประเทศ แต่ถ้าหากชกนอกประเทศ คงโดน Apple น๊อคในหมัดแรกได้ ง่ายๆ



Free gifts
หากคนเคยใช้ Apple จะพบว่า Apple เป็นบริษัทหนึ่งที่ยากจะหาของ แถม (ซื้อโน๊ตบุ๊คยังต้องหิ้วกล่องกลับ ไม่มีกระเป๋าให้) ซื่งเมื่อเทียบกับ Lenovo แล้ว ลดแลกแจกแถมกันมากมาย สําหรับคนที่นิยมของแถม อาจได้ของแถมล้นมือกลับบ้าน นี่อาจไม่ใช่ ปัจจัยในการเลือกซื้อของบางคน แต่หากไปมองราคาของอุปกรณ์เสริมของ Apple แล้ว ของแถมพวกนี้อาจ มีค่ามากมาย

โดยสรุปแล้ว หากมองผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์แล้ว ผลิตภัณฑ์ 2 ยี่ห้อนี้ก็เหมือนอยู่คนละตลาด แต่หาก มองไปที่ตลาดโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นตลาดเดียวกัน จีนเป็นตลาดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่โต ถึงแม้หากมองไปใน อนาคตการกล่าวว่าประเทศจีนจะก้าวขึ้นเป็นผู้นําทางด้านเทคโนโลยี แซงหน้าสหรัฐอเมริกาอาจพูดเกินจริง แต่ในด้านขนาดตลาดก็เป็นตลาดที่สามารถสามารถสร้างมูลค่ามหาศาล ไม่ใช่การพูดเกินจริงแน่นอน หาก ผลิตภัณฑ์ไหนสามารถครองใจผู้ใช้ในประเทศจีนได้ นั่นหมายถึงขุนทรัพย์กองโต ซึ่งเปรียบเทียบแล้ว ทั้ง iphone และ LePhone มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน
iphone ได้เปรียบในแง่ระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาอย่างมีประสิทธิภาพ รูปลักษณ์ที่สวยงาม ความ นิยมทั่วโลกสูงมาก แต่ก็ต้องแลกมาซึ่งราคาที่สูงลิบลิ่ว
LePhone ได้เปรียบในแง่ระบบปฏิบัติการที่มีความหยืนหยุ่น ง่ายต่อการพัฒนาโปรแกรมที่เหมาะกับผู้ ใช้ในประเทศ และคนจีนอาจมีความนิยมชมชอบในผลิตภัณฑ์เชื้อสายเดียวกัน แต่ลูกเล่นและคุณสมบัติเด่น ก็ยังไม่เด่นชัด
ปัจจุบันโอกาสของทั้งสองผลิตภัณฑ์ยังมีไม่ต่างกัน iphone ยังมีช่องทางทางการตลาดน้อย ราคายัง แพง แต่ LePhone ก็ยังไม่เปิดตัวหรือมีความโดดเด่นเด่นชัด ขึ้นอยู่กับว่า iphone จะเร่งตัวเองในตลาดจีน ได้ทันหรือไม่ หรือ Lephone จะเข้าครอบครองส่วนแบ่งทางตลาดในจีนได้อย่างรวดเร็ว iphone อาจประสบ ปัญหามากกว่ากับการทําการตลาดในจีน และของลอกเลียนแบบ หรือข้อกล่าวหาต่างๆนาๆ แต่ถ้าหาก Apple มองข้ามประเทศจีนไป หรือช้าเกินไป นั่นจะเป็นการสูญเสียโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ของ Apple อย่าง แน่นอน

ประวัติ Apple เรื่องเล็กๆที่ควรรู้



ประวัติ Apple เรื่องเล็กๆที่ควรรู้
แอปเปิล (Apple Inc.) หรือในชื่อเดิม แอปเปิลคอมพิวเตอร์ (Apple Computer Inc.) เป็นบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แอปเปิลปฏิวัติคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 ด้วยเครื่องแอปเปิลทู (Apple II) และแมคอินทอช (Macintosh) ในยุค 80 ปัจจุบันแอปเปิลมีชื่อเสียงด้านฮาร์ดแวร์ เช่น ไอแมค ไอพอด ไอโฟน และ ร้านขายเพลงออนไลน์ไอทูนส์ ประวัติโดยย่อ บริษัท Apple Computer Inc. ได้เกิดขึ้นจากการร่วมกันก่อตั้งของ สตีฟ จ็อบส์ และ สตีฟ วอซเนียก ทำการปฏิวัติธุรกิจคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 โดยการนำเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขาย ในชื่อ Apple I ที่ราคาจำหน่าย 666.66 เหรียญ ในจำนวนและระยะเวลาจำกัด ภายในปีถัดมาก็ได้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำยอดจำหน่ายสูงสุดให้กับบริษัท ณ ขณะนั้นคือ Apple II ซึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งวงการไมโครคอมพิวเตอร์ และเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับไมโครคอมพิวเตอร์ที่เกิดมาตามหลังทั้งหมด (อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาดังกล่าว ทางบริษัทจะมุ่งเน้นการขายระบบปฏิบัติการมากกว่าที่จะขายผลิตภัณฑ์ไมโครคอมพิวเตอร์ เนื่องจากประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์จากบริษัท Intel และ IBM ทำงานได้ดีกว่า) ต่อมาในยุค 80 Apple Inc. ได้พัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลถึงยอดจำหน่ายที่สูงขึ้นตามลำดับ ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ Macintosh ซึ่งยังส่งผลให้ Apple ยังคงมีชื่อเสียงในด้านผลิตภัณฑ์มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยมาตรฐานและเอกลักษณ์ทางการตลาดที่สอดคล้องกับปณิธานองค์กรที่ว่า “คิดอย่างแตกต่าง (Think Different)” ผลิตภัณฑ์ที่มักได้รับการกล่าวถึงและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน อาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งที่เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา (MacBook, MacBook Pro) และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (iMac, PowerMac) ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ได้แก่ Mac OSX (แมคโอเอสเท็น) อุปกรณ์ฟังเพลงขนาดพกพา ได้แก่ สายผลิตภัณฑ์ iPod และ iPhone อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น iSight, AirPort ฯลฯ โปรแกรมและบริการเสริมต่างๆ อาทิ iTunes เป็นต้น เกร็ดอื่นๆ ในภาพยนตร์เรื่อง อัจฉริยะปัญญานิ่ม (Forrest Gump) ฟอร์เรสต์ กัมป์ ถูกชักชวนโดยผู้หมวดแดน ให้เป็นหุ้นส่วนของบริษัทแอปเปิล แต่ตัวฟอร์เรสต์เองนึกว่าหมายถึงแอปเปิลที่เป็นผลไม้

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

slogan Apple

iMac, iBook, and Mac mini http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Apple_Inc._slogans#Macintosh
  • "iThink, therefore iMac." (1998) based on René Descartes famous line, "I think, therefore I am" (Cogito ergo sum).
  • "Hello. Again." (1998) iMac slogan based on original "Hello." Macintosh brochure.
  • "Blows minds, not budgets." (1998)[27]
  • "The iMac to Go." (1999) used to market the introduction of the iBooks.
  • "Where did the computer go?" (2004) used to market the introduction of the new iMac G5
  • "From the creators of iPod." (2004) used to market the introduction of the iMac G5
  • "The most affordable Mac ever." (2005) used to market the introduction of the Mac mini.
  • "Now showing. The new iMac G5" (2005) used to market the new iMac G5 released in October 2005.
  • "Small is Beautiful" (2006) used to market the new Intel Mac mini
  • "The new, all-in-one iMac" replaced the previous
  • "You can't be too thin, Or too powerful." (2007) slogan used to market the new iMac released in August 2007 [1]
  • "A little Mini. A lot of Leopard"(2007) used to market the Mac Mini shipping with Mac OS X Leopard
  • "The ultimate all-in-one. Now shipping with Leopard" (2007) used to market the iMac shipping with Mac OS X Leopard
  • "More Power. Thinly disguised." used to market the iMac revision of early 2008
  • "Beauty. Brains. And now more brawn." used to market the iMac revision of early 2008
  • "The all-in-one for everyone." used to market the iMac revision of early 2009
  • "Faster. Greener. Still mini." used to market the new Mac mini revision of early 2009
  • "Brilliance, squared." used to promote the design of the new Mac mini revision of early 2009
  • "Small is huge." used to promote the features of the new Mac mini revision of early 2009
  • "It’s a good time to be a desk." used to promote accessories of Mac mini revision of early 2009
  • "The ultimate all-in-one. Now with the ultimate display." used to promote the new iMac with larger screens in late 2009.
  • "The new, mightier mini." used to promote the new Mac mini in late 2009.
  • "Redesigned in a very big way." used to promote the new all-aluminium unibody Mac mini released in June 2010.

Macintosh

  • "It takes minutes of practice to make Macintosh do this."[22]
  • "Introducing Macintosh"
    • "Introducing Macintosh. What makes it tick. And talk." - technically oriented ad featuring a cutaway drawing of the Macintosh 128k [23]
    • "Of the 235 million people in America, only a fraction can use a computer... Introducing Macintosh. For the rest of us." - headline from a 20 page brochure published in Newsweek[24]
  • "It does more, It costs less. It's that simple" - used in an ad campaign in 1993 [25][26]

iPod

  • "1,000 songs in your pocket." (2001) used to promote the first generation iPod's large storage capacity and compact design
  • "Introducing the new iPod family." (2002) used on apple.com
  • "7,500 songs in your pocket." (2003) used on apple.com
  • "Mini. The next big thing." (2004) used to market iPod mini Maria
  • "Teeny doesn't mean weeny." (2004) used to market iPod mini
  • "The best keeps getting better" (2004) used to market iPod fourth generation
  • "10,000 songs in your pocket." (2004) used to market iPod fourth generation
  • "Paint it black." (2004) used to market iPod U2 Special Edition fourth generation
  • "Life is random." (2005) used to market iPod shuffle
  • "*Do not eat iPod shuffle" (2005) Easter egg slogan attached as a footnote to claim that the shuffle was about the size of a pack of gum.
  • "Give chance a chance." (2005) used to market iPod shuffle pro.
  • "Random is the new order." (2005) used to market iPod shuffle
  • "Enjoy uncertainty." (2005) used to market iPod shuffle
  • "1,000 songs. Impossibly small." (2005) used to market iPod nano
  • "One more thing..." (2005) used to market iPod fifth generation with video
  • "Watch your music" (2005) used to market iPod fifth generation with video
  • "15,000 songs. 25,000 photos. 80 hours of video." (2005) used to market iPod fifth generation with video
  • "Give music." (2005) used to market iTunes Music Cards
  • "The best digital jukebox and #1 music download store. Now with video." (2005) used to market iTunes 6
  • "Which iPod are you?" (2006) used to market iPod family
  • "Home stereo. Reinvented." (2006) used to market iPod Hi-Fi
  • "Back for an encore." (2006) used to market iPod U2 Special Edition fifth generation with video
  • "Tune your run." (2006) used to market Nike+iPod
  • "Completely remastered." (2006) used to market the second generation iPod nano
  • "Clip and go." (2006) used to market the second generation iPod shuffle
  • "Put some music on." (2006) used to market the second generation iPod shuffle
  • "Movies, TV shows, games, and music. Now playing on an iPod near you." (2006) used to market enhanced iPod fifth generation
  • "Put a different kind of change in your pocket." (2006) used to market iPod nano (PRODUCT) RED
  • "Put a thousand thanks in their pocket." (2006) used to market iPod Corporate Gifting Program
  • "Put some color on." (2006) used to market the 4 new colors for the second generation iPod shuffle
  • "Give the gift of iPod." (2006) used to market the iPod for Valentine's Day.
  • "Meet the best iPods ever." (2007) used to market the redesigned iPod line.
  • "A little video for everyone." (2007) used to market the third generation iPod nano
  • "Hold everything." (2007) used to market the sixth generation iPod, the iPod classic
  • "A new gig for iPod shuffle" (2008) used to market iPod shuffle 2GB
  • "Now there's even more to touch." (2008) used to market the iPod touch firmware 1.1.3
  • "Play more than music. Play a part." (2008) used to market the iPod (PRODUCT)RED
  • "Everybody Touch" (2008) used in the new iPod Touch commercial
  • "What's new to touch" (2008) used in the January '08 software update of the iPod Touch
  • "Tap into what's new" (2008) also used in the January '08 software update of the iPod Touch
  • "Now there's even more to touch" (2008) used for advertising the new iPod Touch software update
  • "Pump up the volume. iPod Touch Now in 32GB" used to market the 32GB iPod Touch
  • "So much to touch." (2008) used to advertise 8GB, 16GB, and 32GB models.
  • "Get your groove on. In four new colors" (2008) used on the website to advertise the refresh of the iPod shuffle
  • "nano-chromatic" and "Rockalicious" (2008) used on the website to advertise the new fourth generation iPod nano's colors as well as new features
  • "One size fits all." (2009) used on their website to promote the new single sized iPod classic
  • "The funnest iPod ever" (2009) used on their website to promote the second generation iPod touch
  • "Millions of songs. Thousands of videos. Hundreds of games." used on their website to promote the second generation iPod touch
  • "Small Talk." (2009) used on their website to promote the new iPod shuffle
  • "Next level fun." (2009) used to market the iPod Touch
  • "It's small. It talks. And it's in color." (2009) used to market iPod Shuffle.
  • "Nano Shoots Video."(2009) used on US and UK ads promoting the new iPod nano 5th Generation with Video
  • "Your Top 40,000." (2009) used to market the iPod classic
  • "The first music player that talks to you. Now in five colors." (2010) currently used to market iPod Shuffle.[28]
  • "Game on. And on. And on." (2010) used to market the iPod touch.

อื่นๆ

โลโก้













ศูนย์จำหน่าย istudio






















ผลิตภัณฑ์





















สินค้าล่าสุด






















บริการเสริม





ช่องทางการสื่อสาร







ส่วนแบ่ง ของ apple i-phone

ส่วนแบ่ง ของ apple i-phone

SWOT ของ apple และ ผลิตภัณฑ์ I phone

Strengths
แบรนด์เป็นที่จดจำของผู้บริโภค
เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง
กลยุทธในด้านธุรกิจ Apple มี app store + iTune เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนตลาด iPhone และ Apple เพิ่มการดึงดูดลูกค้าโดยมีการ ลดราคา 30%เมื่อลูกค้าซื้อเพลง หรือ application ผ่าน iTune และ ทาง Apple ยังมี Free download ให้เลือกอีกมากมาย (Apple มี 65,000 appication อยู่ใน App Store และมีการโหลด 1.5พันล้านครั้งใน 1 ปี)
• iPhone เป็นเจ้าแรกที่ใช้ ระบบปฏิบัติการ ของคอมพิวเตอร์อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ นักพัฒนาโปรแกรมต่างๆ คิดค้นหรือนำระบบปฏิบัติการนี้ไปสร้างสรรคต่อได้ ภายใต้ แบรนด์ Apple ทำให้เกิดธุรกิจสร้าง Application ขึ้นมามากมาย
มีการโฆษณาที่ดี
ในทุกๆปี Apple จะทุกปี Apple จะออกเทคโนโลยีใหม่ๆและคุณสมบัติใหม่ๆที่สามารถจะชนะคู่แข่งได้อย่างสบาย
• iPhone มี iTunes ที่สามารถดาวโหลดเพลงโดยตรง
• Apple มีเครือข่ายโทรศัพท์โดยตรงคือ iPhone AT&T ฉะนั้นใครอยากใช้เครื่องที่มีราคาถูก ก็หันมาใช้ เครือข่ายโทรศัพท์ได้ทันที

Weaknesses
ราคาแพง
ทาง Apple ได้ปลดล๊อค ระบบ SIM ทำให้ลูกค้า สามารถนำโทรศัพท์ไปใช้ในระบบเครือข่ายอื่นได้
ขาดการดำเนินงานระหว่างประเทศ ในเรื่องช่องทางและการให้บริการ Apple มีแต่ App Store และ iTune เท่านั้น ในด้านการค้าปลีกก็ไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของลูกค้า
ในการซ่อม หรือ เปลี่ยนสินค้า จะต้องทำกับ Apple เท่านั้น ทำให้มีการเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
ขาด พันธมิตรที่แข็งแกร่ง AT&T จะหมดสัญญาในปลายปี 2010 และ Google กำลังจะกลายมาเป็นคู่แข่งใหม่โดยการส่ง Android เข้าสู่ตลาด
ข้อผูกมัดของ AT&T กับ iPhone ทำให้การขาย iPhone ไม่ดีเท่าที่ควร



Opportunities

• Trend สังคม (คนส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนโทรศัพท์ตามกระแส)
ลูกค้าพิเศษโดยเฉพาะลูกค้าที่ซื้อสินค้าของ Apple ไปแล้ว พวกเขาจะประทับใจในสินค้าและบริการของ Apple
ธุรกิจมีอัตราเติบโตสูงสุดในแต่ละปี เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2007 นั่นก็หมายความว่า ผู้บริโภคกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นทุกปี
• Smartphone ในตลาดโลกมีการเติบโตขึ้นทุกปี

Threats
มีวิธีการลักลอบ ติดตั้ง โปรแกรมโดยที่ไม่ต้องซื้อจาก App Store และยังสามารถปลดล็อค iPhone โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยข้อมูลหาทางอินเตอร์เน็ตสามารถทำได้โดยง่าย
การกระจายสินค้าในต่างประเทศ เรื่องภาษีรัฐบาลที่ต้องนำเข้าสินค้า
การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลต่อการนำเข้า-ส่งออก
การใช้สินค้าชดเชยโดยจากคู่แข่งอื่นๆ เช่น Nokia,Blackberry ,Microsoft
ในตลาด Smartphone มีคู่แข่งมากเกินไป

ยอดขาย APPLE2008

ยอดขาย APPLE2008 http://www.marketingoops.com/digital/apple-rev/



แอปเปิล (Apple) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 (ตุลาคม-ธันวาคม) ปี 2008 สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ กำไร 1.61 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดขาย iPod ที่ยังแรงตลอดเวลา บนตัวเลขยอดรายรับรวมเกินหลักหมื่นล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์


รายรับรวมตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาแอปเปิลสามารถทำได้ถึง 1.02 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เฉลี่ยเป็นกำไร 1.78 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 1.29 เหรียญต่อหุ้น โดยกำไร 1.61 พันล้านเหรียญในไตรมาส 4 ปี 2008 นั้นสูงกว่า 1.58 พันล้านเหรียญที่เคยทำได้ในไตรมาสเดียวกันของปี 2007 ซึ่งคิดเฉลี่ยมีมูลค่า 1.76 เหรียญต่อหุ้น


Apple ให้ข่าวว่าแอปเปิลสามารถสร้างสถิติรายได้สูงเป็นประวัติการณ์แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลก หมายถึงรายได้ของแอปเปิลในไตรมาสที่ผ่านมานั้นทะลุหลัก 1 หมื่นล้านเหรียญเป็นครั้งแร



  • Computer แมคอินทอช 2.52 ล้านเครื่อง

  • iPod 22.73 ล้านเครื่อง

  • iPhone 4.36 ล้านเครื่อง